10 ข้อควรรู้ ก่อนฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งตัวร้ายที่พบในผู้หญิงมากเป็นอันดับ 2 โดยมีสาเหตุมาจากเชื้อ HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์เป็นหลัก ปัจจุบันมะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน HPV และสามารถตรวจคัดกรองหาความผิดปกติได้ แต่ก่อนที่จะฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก หลายๆ คนก็ยังมีคำถามคาใจอยู่ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับวัคซีน HPV กัน
Q : วัคซีน HPV สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ 100 % หรือไม่
A : การฉีดวัคซีน HPV เป็นการป้องกันต่อการติดเชื้อ HPV ชนิดสำคัญ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูกประมาณ 70% ดังนั้นผู้หญิงที่ได้รับวัคซีนจึงสามารถลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ได้ถึง 70%
Q : วัคซีนมะเร็งปากมดลูก มีกี่ชนิด ต่างกันอย่างไร
A : วัคซีนมะเร็งปากมดลูกตอนนี้ มีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ Cervarix ป้องกัน 2 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์ 16 , 18 ซึ่ง 2 สายพันธุ์นี้ เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกถึง 70% Gardasil ป้องกัน 4 สายพันธุ์ คือนอกจากสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกแล้ว ยังสามารถป้องกันสายพันธุ์ 6 และ 11 ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่ได้อีกด้วย แต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV หูดหงอนไก่ได้ทุกราย
Q: วัคซีนชนิดใดดีที่สุด
A: ประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกของวัคซีนทั้ง 2 ชนิดนั้นดีเท่ากัน
Q : ฉีดวัคซีนตอนอายุเท่าไรดี
A : เนื่องจากวัคซีนมะเร็งปากมดลูกจะมีประสิทธิภาพสูง หากฉีดในวัยที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน และร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี จึงแนะนำในผู้หญิงอายุ 9–26 ปี โดยเน้นให้ฉีดช่วงอายุ 11-15 ปี เนื่องจากเป็นอายุก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ยังไม่ติดเชื้อ HPV และพบว่ามีระดับภูมิคุ้มกันสูงกว่า 2 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับการฉีดในช่วงอายุ 16–26 ปี
Q : อายุเกิน 26 ปี และเคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ฉีดวัคซีนได้ไหม
A : สามารถฉีดได้
แต่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกก่อนว่าได้รับเชื้อมาแล้วหรือไม่ ถ้ายังไม่ได้รับเชื้อ ก็สามารถฉีดได้ แต่ถ้าได้รับเชื้อไวรัส HPV มาแล้ว ควรเข้ารับการรักษาก่อน
Q : ต้องฉีดวัคซีนกี่ครั้ง
A : การฉีดวัคซีนจะฉีดที่ต้นแขน จำนวน 3 ครั้ง (3 เข็ม) ภายในระยะเวลา 6 เดือน ดังนี้ ครั้งที่ 1 : ฉีดในวันที่กำหนดเลือก ครั้งที่ 2 : ฉีดในเดือนที่ 1–2 หลังจากการฉีดครั้งแรก ครั้งที่ 3 : ฉีดในเดือนที่ 6 หลังจากการฉีดครั้งแรก โดยวัคซีนจะสามารถป้องกันเชื้อได้หลังจากฉีดครั้งที่ 3 ครบ 1 เดือนไปแล้ว
Q: เริ่มฉีดเข็มแรกชนิดป้องกัน 2 สายพันธุ์ แต่หลังจากทราบข้อมูลเรื่องหูดหงอนไก่ จะเปลี่ยนมาฉีดแบบ 4 สายพันธุ์ได้หรือไม่
A: เมื่อเริ่มต้นด้วยการฉีดวัคซีนชนิดใดแล้ว ควรฉีดชนิดนั้นให้ครบ 3 เข็ม ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลประสิทธิภาพ หรือผลข้างเคียงของคนที่ได้รับวัคซีนทั้ง 2 ชนิดร่วมกัน
Q : ผู้ชายสามารถฉีดวัคซีน HPV ได้ไหม
A : ผู้ชายก็สามารถฉีดวัคซีน HPV ได้ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ และป้องกันโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนัก หลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทยมีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในช่วงอายุ 9-26 ปี โดยเน้นให้ฉีดในช่วงอายุ 11-12 ปี
Q: ใครที่ไม่ควรฉีดวัคซีน
A: ผู้ที่แพ้สารประกอบในวัคซีน ผู้ที่มีภาวะไวเกินหลังจากการฉีดวัคซีนครั้งแรก และสตรีมีครรภ์
Q: ต้องมารับการฉีดกระตุ้นหรือไม่
A: ข้อมูลปัจจุบันพบว่าในช่วง 10 ปีภายหลังการฉีดวัคซีนยังคงมีภูมิคุ้นกันสูงพอที่จะป้องกันโรคได้ และคำนวณด้วยวิธีทางภูมิคุ้มกันวิทยาแล้วพบว่าระดับภูมิคุ้มกันอาจอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องฉีดกระตุ้น อย่างไรก็ตามต้องติดตามข้อมูลจากหลักฐานทางการแพทย์ที่แน่ชัดต่อไป ภายหลังจากฉีดวัคซีน สาวๆ ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ เพราะมะเร็งปากมดลูกอาจเกิดจากเชื้อ HPVสายพันธุ์อื่นๆ ที่ไม่ได้บรรจุอยู่ในวัคซีนได้

สอบถามศูนย์สูติ-นรีเวช 02-129-5526, 061-397-9374