Post Views: 400
การปฏิบัติตนของผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์
หลังจากผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์ได้รับการผ่าตัดต่อมไทรอยด์แล้ว การรักษาขั้นตอนต่อไป คือ การรักษาด้วยสารกัมมันตรังสีไอโอดีน (I-131) ด้วยวิธีการรับประทาน
ระยะเวลาในการรักษาตัวในโรงพยาบาล
การรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ด้วยการรับประทานสารกัมมันตรังสีไอโอดีนขนาดสูง ผู้ป่วยต้องอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 3-7 วัน หรือจนกว่ารังสีจะถูกขับออกจากร่างกายอยู่ในระดับที่ปลอดภัย แพทย์จึงให้กลับบ้านได้
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
- เตรียมของใช้ประจำวัน เช่น สบู่ แป้ง ยาสีฟัน แปรงสีฟัน หนังสืออ่านเล่น มือถือ วิทยุ
- เตรียมลูกอมรสเปรี้ยว เช่น บ๊วย เพื่อเพิ่มการขับน้ำลาย ลดการอักเสบของต่อมน้ำลายจากสารกัมมันตรังสีไอโอดีน
- ช่วงระยะเวลาก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลควรงดอาหารที่มีไอโอดีนสูง เช่น เกลือเสริมไอโอดีน, อาหารทะเล ประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการรักษา
หากมีโรคประจำตัวควรบอกแพทย์ และนำยาที่รับประทานประจำมาด้วย
การปฏิบัติตนขณะรับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยสารกัมมันตรังสีไอโอดีน
- หลังรับประมานสารกัมมันตรังสีไอโอดีนแล้ว 1 ชั่วโมง ให้ดื่มน้ำปริมาณมาก ประมาณ 8 แก้วต่อวัน (ยกเว้นกรณีมีโรคประจำตัวที่ต้องจำกัดปริมาณน้ำ) และปัสสาวะบ่อยๆ เพื่อขับสารกัมมันตรังสีไอโอดีนให้ออกจากร่างกายโดยเร็ว
- เมื่อครบ 24 ชั่วโมงหลังรับประทานสารกัมมันตรังสีไอโอดีน ให้อมวิตามินซี (50มก.) หรือ ลูกอมรสเปรี้ยว ทุก 2 ชั่วโมง (ยกเว้นเวลาหลับไม่ต้องอม) เนื่องจากสารรังสีจะถูกขับออกมากับน้ำลาย ถ้าน้ำลายค้างอยู่ในต่อมน้ำลายนานจะทำให้เกิดต่อมน้ำลายอักเสบ ความเปรี้ยวจะช่วยขับน้ำลายออกจากต่อมน้ำลายทำให้ลดปริมาณรังสีที่ต่อมน้ำลายจะได้รับ
- รับประทานอาหารได้ตามปกติ งดเฉพาะอาหารทะเลหรืออาหารที่มีไอโอดีนผสมอยู่ ซึ่งทางโรงพยาบาลได้จัดเตรียมอาหารไว้ให้ท่านแล้ว
- ในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ ควรแบ่งอาหารให้มีปริมาณพอดีที่จะรับประทานได้หมด ไม่ควรให้อาหารเหลือ เนื่องจากอาหารที่เหลือจะปนเปื้อนน้ำลายที่มีรังสี กลายเป็นขยะรังสีที่กำจัดได้ยาก และบุคคลอื่นอาจได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น
- หากต้องการรับประทานผลไม้ ควรเป็นผลไม้ที่สามารถรับประทานได้หมดทั้งผล ไม่ควรมีการคายกากหรือเมล็ดออกมา ด้วยเหตุผลเดียวกับข้อ 4
- การขับถ่ายควรขับถ่ายลงส้วมทุกครั้ง ไม่ควรปัสสาวะลงบนพื้นห้องน้ำ หลังจากขับถ่ายควรราดน้ำมาก ๆ กดชักโครก 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นล้างมือด้วยสบู่และน้ำมากๆ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีไอโอดีน
- เสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ให้บ้วนทิ้งลงอ่างล้างหน้าหรือชักโครก แล้วกดน้ำล้างทันที
- ควรอาบน้ำและสระผมบ่อย ๆ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้งเพื่อลดปริมาณสารกัมมันตรังสีไอโอดีนที่ขับออกมาทางเหงื่อ
- ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และหญิงมีครรภ์เข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด
- ไม่อนุญาตให้ญาติเฝ้า แต่สามารถเข้าเยี่ยมได้ครั้งละไม่เกิน 15 นาที (หรือตามที่แจ้งไว้ที่ประตูห้อง) โดยยืนหลังฉากตะกั่วที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อป้องกันการได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ควรแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทราบทันที
การปฏิบัติตนเมื่อกลับบ้านหลังจากได้รับการรักษาด้วยสารกัมมันตรังสีไอโอดีน
- แม้แพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แต่ตัวผู้ป่วยเองจะยังคงมีสารรังสีอยู่ในร่างกายจำนวนหนึ่ง โดยปริมาณรังสีจะลดลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป แม้ปริมาณรังสีดังกล่าวจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ แต่เพื่อไม่ให้บุคคลรอบข้างได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น ควรปฏิบัติตนดังนี้เป็นเวลา 1 สัปดาห์
- ดื่มน้ำมาก ๆ และปัสสาวะบ่อย ๆ เพื่อขับสารรังสีไอโอดันที่ยังหลงเหลืออยู่ให้ออกจากร่างกายโดยเร็ว
- หลังจากใช้ห้องน้ำให้ราดน้ำมาก ๆ หรือกดชักโครก 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นล้างมือด้วยสบู่และน้ำมาก ๆ
- สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ไม่ควรอยู่ใกล้ชิดเด็กหรือคนท้องเป็นระยะเวลานาน ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลดังกล่าวได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น
- ควรแยกนอนคนเดียว หรือนอนให้ห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร
- แยกภาชนะใส่อาหารหรือใช้ช้อนกลางเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีไอโอดีนในน้ำลาย
- แยกซักเสื้อผ้า เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารรังสีที่ขับออกทางเหงื่อ
- ข้อปฏิบัติอื่น ๆ หลังการรักษา
- รับประทานยาไทรอยด์ฮอร์โมน ตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ โดยเริ่มรับประทานยาตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล
- งดเว้นการตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด จนกว่าโรคของท่านจะอยู่ระยะที่ปลอดภัยแล้ว หากต้องการตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- มาพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
- เพื่อมิให้เสียเวลาโดยไม่จำเป็น หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ใกล้บ้านก่อน หากแพทย์สงสัยว่าอาการผิดปกติเกี่ยวข้องกับโรคของต่อมไทรอยด์ที่ท่านเป็นอยู่ ท่านสามารถมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลปิยะเวทก่อนวันนัดได้ ในวันและเวลาราชการ
- แม้แพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แต่ตัวผู้ป่วยเองจะยังคงมีสารรังสีอยู่ในร่างกายจำนวนหนึ่ง โดยปริมาณรังสีจะลดลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป แม้ปริมาณรังสีดังกล่าวจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ แต่เพื่อไม่ให้บุคคลรอบข้างได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น ควรปฏิบัติตนดังนี้เป็นเวลา 1 สัปดาห์
ข้อมูลโดย: สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย