โรคจอตาในเด็กคลอดก่อนกำหนด (Retinopathy of prematurity, ROP)
โรคจอตาในเด็กคลอดก่อนกำหนด (Retinopathy of prematurity, ROP) เป็นโรคความผิดปกติของจอตาซึ่งพบได้ในทารกคลอดก่อนกำหนดและมีน้ำหนักตัวน้อย เกิดจากความผิดปกติของการพัฒนาการของหลอดเลือดปกติที่ไปเลี้ยงจอตา มีการสร้างหลอดเลือดใหม่ที่ผิดปกติ ซึ่งอาจกระจายตัวเข้าไปในน้ำวุ้นตา มีการสร้างพังผืดดึงรั้งจอตาเกิดภาวะจอตาหลุดลอกตามมาได้ การวางแผนการรักษาและตรวจติดตามผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคนี้ เพื่อลดโอกาสการสูญเสียการมองเห็นและลดความรุนแรงของโรค
ปัจจัยเสี่ยง
- ทารกน้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่า 1,500 กรัม
- ทารกคลอดก่อนกำหนดที่อายุครรภ์น้อยกว่า 30 สัปดาห์
- ทารกได้รับออกซิเจนเป็นระยะเวลานาน ความเข้มข้นออกซิเจนสูง
- การได้รับการเปลี่ยนถ่ายเลือดหรือการให้เลือด
- มีภาวะโรคปอด respiratory distress syndrome
- ติดเชื้อในกระแสเลือด
การแบ่งระดับความรุนแรงของโรค แบ่งระดับความรุนแรงโรคได้ 5 ระยะ
- ระยะที่1 มีรอยต่อระหว่างบริเวณที่มีและไม่มีหลอดเลือดมาลี้ยง
- ระยะที่2 มีการหนาตัวของรอยต่อระหว่างบริเวณที่มีและไม่มีหลอดเลือดมาเลี้ยง
- ระยะที่3 มีการสร้างหลอดเลือดใหม่เข้าไปในวุ้นตา
- ระยะที่4 มีการหลุดลอกของจอตาบางส่วน (subtotal retinal detachment)
- ระยะที่5 มีการลอกจอตาทั้งหมด (retinal detachment)
ข้อบ่งชี้การตรวจ ROP
- ทารกที่คลอดก่อนกำหนดที่อายุครรภ์น้อยกว่าหรือเท่ากับ 30 สัปดาห์ หรือน้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1500 กรัม
- ทารกที่คลอดก่อนกำหนดที่อายุครรภ์มากกว่า 30 สัปดาห์ หรือน้ำหนักแรกคลอด 1500-2000 กรัม ที่มีความเสี่ยงในการเกิดจอตาผิดปกติในทารกคลอดก่อนกำหนด
ระยะที่เหมาะสมในการตรวจติดตาม
- ตรวจครั้งแรกเมื่ออายุหลังคลอด 4-6 สัปดาห์ หรืออายุครรภ์บวกอายุหลังคลอดที่ 31-32 สัปดาห์
- การติดตามผลหลังการตรวจครั้งแรกให้ตรวจทุก 1-4 สัปดาห์ และตรวจติดตามจนกว่าจะพบว่าหลอดเลือดจอตาเจริญเต็มที่ หรือโรคสงบลงแล้ว
การรักษา
ทารกควรได้รับการรักษาภายใน 72 ชั่วโมง หากโรคจอตาผิดปกติในทารกคลอดก่อนกำหนด มีความรุนแรง มีข้อบ่งชี้ในการรักษา แพทย์จะเลือกวิธีใดขึ้นกับความรุนแรงของโรคและดุลพินิจของแพทย์ วิธีรักษา ได้แก่
- Laser photocoagulation เป็นการยิงเลเซอร์ชนิด Diode laser ซึ่งมีความยาวคลื่น 810 nm โดยการยิงเลเซอร์ตรงบริเวณที่ยังไม่มีหลอดเลือดงอกมาเลี้ยง
- Cryotherapy การจี้ด้วยความเย็นบริเวณจอตาส่วนริม
- การฉีดยา anti-VEGF (vascular endothelial growth factor) ซึ่งเป็นยาต้านการเกิดหลอดเลือดใหม่เข้าในวุ้นตา เพื่อยับยั้งหรือขจัดหลอดเลือดใหม่ในทารกบางราย
- หากตรวจพบจอตาลอก อาจต้องผ่าตัดวุ้นตา (vitrectomy) แก้ไขจอตาลอก
คำแนะนำ
ในทารกคลอดก่อนกำหนดและทารกที่เป็นโรคจอตาผิดปกติในทารกเกิดก่อนกำหนด แม้โรคจะไม่ได้ดำเนินถึงระยะรุนแรงที่จะต้องทำการรักษา ก็อาจมีโอกาสเกิดปัญหาอื่นๆ ในภายหลังได้เช่นกัน แนะนำให้ผู้ป่วยติดตามอาการ และมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจตา ซึ่งปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
- สายตาสั้น ยาว เอียง
- ตาเหล่ ตาเข
- ภาวะตาขี้เกียจ
- จอตาหลุดลอก
- ต้อกระจกหรือต้อหินในอายุน้อย