
โรคกระดูกพรุน: ภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพผู้สูงอายุไทย
โรคกระดูกพรุน คือภาวะที่มวลกระดูกลดลง ทำให้ความแข็งแรงของโครงสร้างกระดูกต่ำ เปราะ และหักง่าย ซึ่งในปัจจุบันทั่วโลกให้ความสำคัญ และถูกยกเป็นนโยบายขององค์การอนามัยโลก (WHO) แล้ว เนื่องจากการเกิดกระดูกหักในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะบริเวณสะโพกและกระดูกสันหลัง จะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาและอันตรายถึงชีวิตได้ มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูง
สถานการณ์โรคกระดูกพรุนในประเทศไทย
จากสถิติของกรมการแพทย์ ผู้สูงอายุที่มีภาวะกระดูกพรุนและเกิดการหักของกระดูกมีจำนวนถึง 30,000 คนต่อปี ตำแหน่งที่พบได้บ่อยคือ: ข้อมือ, ข้อสะโพก, กระดูกสันหลัง
จากสถิติพบว่าอุบัติการณ์การเกิดกระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุคนไทยจะสูงขึ้นจากปีละ 180 รายต่อแสนประชากรผู้สูงวัย เป็น 450-780 รายต่อแสนประชากรผู้สูงวัยในปี 2568
ผลกระทบที่น่าตกใจของโรคกระดูกพรุน
สิ่งที่น่าตกใจคือ ผู้สูงอายุที่มีกระดูกสะโพกหักจากโรคกระดูกพรุน:
- มีโอกาสเสียชีวิตถึง 20% ใน 1 ปี
- 40% ไม่สามารถเดินได้ด้วยตัวเอง
- 80% ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันเองได้
ในประเทศไทยคนยังไม่ค่อยให้ความสำคัญและรักษาเท่าที่ควร อาจเกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคกระดูกพรุน และการขาดการประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้คนมีอายุยืนขึ้น ความเสี่ยงจากโรคกระดูกพรุนและการล้มก็มากขึ้นตามมา
การป้องกันโรคกระดูกพรุน: ทางออกที่ดีที่สุด
การรักษาที่ดีที่สุด คือการป้องกันไม่ให้เกิดกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนในผู้ป่วยสูงอายุ การป้องกัน แบ่งเป็น 2 หลักใหญ่ๆ คือ
1. ป้องกันไม่ให้ล้ม
• ปรับสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัย เช่น •จัดแสงสว่างให้เพียงพอ
• ติดตั้งราวจับในจุดที่เสี่ยงต่อการล้ม
• ตรวจเช็คโรคประจำตัวที่อาจมีผลต่อการมองเห็นและการทรงตัว
• ออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างการทรงตัวที่ดี เช่น รำไท้เก็ก หรือการยืนขาเดียว
2. เพิ่มความแข็งแรงของกระดูก
• การออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนัก เช่น เดิน หรือเดินเร็ว
• สัมผัสแสงแดดอ่อนๆ เพื่อเพิ่มการสร้างวิตามินดี
• รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต ผักใบเขียวเข้ม งาดำ
• หากรับประทานอาหารได้ไม่เพียงพอ ควรเสริมด้วยแคลเซียมผสมวิตามินดี
• รักษาด้วยยากระดูกพรุน เช่น ยาลดการสลายหรือเสริมสร้างกระดูก (โดยแพทย์)
ทำไมโรคกระดูกพรุนถึงเป็น "ภัยเงียบใกล้ตัว"
โรคกระดูกพรุนได้ชื่อว่าเป็น “ภัยเงียบใกล้ตัว” เนื่องจากภาวะกระดูกพรุนมักจะ “ไม่แสดงอาการ” จนกระทั่งเกิดกระดูกหักแล้ว ดังนั้น จึงแนะนำให้ตรวจมวลกระดูก เพื่อประเมินสภาวะของกระดูก เพื่อได้รับการแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ใครควรตรวจมวลกระดูก?
ผู้ที่ควรตรวจมวลกระดูกมีดังต่อไปนี้
• ผู้หญิงอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไป
• ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนก่อนอายุ 45 ปี รวมถึงเคยผ่าตัดรังไข่ออกทั้ง 2 ข้าง
• ผู้ที่เคยกินยากลุ่มสเตียรอยด์ (steroid) หรือกำลังกินยากลุ่มนี้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
• ผู้ที่มีประวัติบิดามารดาสะโพกหัก
• ผู้ที่เคยล้มแล้วมีกระดูกหักมาก่อน
อย่าปล่อยให้โรคกระดูกพรุนคุกคามคุณภาพชีวิตของคุณและคนที่คุณรัก เริ่มป้องกันตั้งแต่วันนี้!

ศูนย์กระดูกและข้อโรงพยาบาลปิยะเวท
ศูนย์กระดูกและข้อของเรา พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาปัญหาเข่าด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคุณ