สัญญาณเตือนมะเร็งลำไส้ใหญ่: ภัยเงียบที่ป้องกันได้ในยุค 2025

สัญญาณเตือนมะเร็งลำไส้ใหญ่: ภัยเงียบที่ป้องกันได้ในยุค 2025

สัญญาณเตือนมะเร็งลำไส้ใหญ่: ภัยเงียบที่ป้องกันได้ในยุค 2025

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มะเร็งลำไส้ใหญ่กลายเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่คุกคามสุขภาพของคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลล่าสุดในปี 2025 พบว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่ยังคงติดอันดับต้นๆ ของโรคมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย โดยพบผู้ป่วยเพศชายประมาณ 10 รายต่อประชากร 100,000 คน และเพศหญิง 7 รายต่อประชากร 100,000 คน

ดิจิทัลไลฟ์สไตล์กับการเพิ่มความเสี่ยง

ปัจจุบันวิถีชีวิตคนไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะหลังจากที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น การนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การสั่งอาหารเดลิเวอรี่ที่มักเต็มไปด้วยไขมันและเนื้อสัตว์แปรรูป รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอ ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่

หลายคนอาจไม่ทราบว่า มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นหนึ่งในมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ หากเรารู้จักสังเกตสัญญาณเตือนและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตตั้งแต่เนิ่นๆ

6 สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

1. ท้องผูกเรื้อรังที่กลายเป็นเรื่องปกติ หลายคนมีปัญหาท้องผูกมาตั้งแต่เด็ก หรือเริ่มมีอาการเมื่อเข้าสู่วัยทำงานด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป การบริโภคอาหารที่ขาดกากใย การดื่มน้ำไม่เพียงพอ และความเครียดจากการทำงาน ล้วนส่งผลให้ระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ

ความน่ากังวล: หลายคนปล่อยให้อาการท้องผูกกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน โดยไม่รู้ว่านี่คือสัญญาณเตือนอันตรายที่ไม่ควรละเลย

เทคโนโลยีช่วยเตือน 2025: ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันติดตามสุขภาพที่สามารถบันทึกรูปแบบการขับถ่าย และแจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติ ช่วยให้คุณสังเกตปัญหาได้เร็วขึ้น

2. อุจจาระมีลักษณะลีบเล็ก มะเร็งลำไส้ใหญ่มักเริ่มต้นจากการมีติ่งเนื้อ (Polyp) เกิดขึ้นในลำไส้ ซึ่งอาจไม่ใช่เซลล์มะเร็งในระยะแรก แต่สามารถพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งได้ในภายหลัง เมื่อมีติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อขวางทางเดินของลำไส้ จะทำให้อุจจาระที่ผ่านบริเวณนั้นถูกบีบให้มีลักษณะเล็กลง

สังเกตได้อย่างไร: หากพบว่าอุจจาระมีลักษณะเล็กลีบผิดปกติเป็นประจำ โดยที่ไม่ได้เกิดจากอาหารที่รับประทาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจคัดกรอง

3. มีเลือดปนในอุจจาระ การพบเลือดสดหรือเลือดสีแดงเข้มปนมากับอุจจาระ เป็นสัญญาณเตือนที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง อาจเกิดจากอุจจาระที่แข็งเบียดกับติ่งเนื้อหรือเนื้องอกในลำไส้ ทำให้เกิดการระคายเคืองและมีเลือดออก

ความก้าวหน้าในการวินิจฉัย 2025: ปัจจุบันมีชุดตรวจคัดกรองเลือดในอุจจาระแบบใช้ที่บ้านที่มีความแม่นยำสูงขึ้น สามารถตรวจพบเลือดในปริมาณน้อยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ช่วยให้การวินิจฉัยทำได้เร็วขึ้น

4. อาการท้องเสียสลับกับท้องผูก การที่ระบบขับถ่ายมีความผิดปกติ โดยมีอาการท้องเสียสลับกับท้องผูกอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้รับประทานอาหารที่เป็นสาเหตุของอาการดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติในลำไส้ใหญ่

คำแนะนำ: ควรบันทึกรูปแบบการขับถ่ายและอาหารที่รับประทานเพื่อสังเกตความสัมพันธ์ หากพบว่าอาการไม่สัมพันธ์กับอาหารและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์

5. น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ การที่น้ำหนักตัวลดลงอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แม้จะยังรับประทานอาหารในปริมาณเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม อาจเป็นสัญญาณของการเผาผลาญพลังงานที่ผิดปกติในร่างกาย ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยมะเร็งหลายชนิด รวมทั้งมะเร็งลำไส้ใหญ่

เทคโนโลยีช่วยติดตาม: อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะในปี 2025 สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว มวลกล้ามเนื้อ และการเผาผลาญพลังงานได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติได้เร็วขึ้น

6. ความรู้สึกอ่อนเพลียอ่อนแรงโดยไม่มีสาเหตุ อาการอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นต่อเนื่องโดยไม่สัมพันธ์กับกิจกรรมหรือการนอนหลับ อาจเกิดจากภาวะโลหิตจางเนื่องจากการเสียเลือดในลำไส้ แม้จะเป็นปริมาณน้อยที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากเสียเลือดต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ภาวะซีดและความอ่อนแรง

โภชนาการเพื่อป้องกันในยุค 2025

ในปี 2025 เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพลำไส้ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเน้นที่:
1.  Plant-based Diet – เพิ่มสัดส่วนผักและผลไม้ในมื้ออาหาร อย่างน้อย 50% ของจานอาหาร
2. Prebiotic Foods – อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อจุลินทรีย์ดีในลำไส้ เช่น กล้วย หัวหอม กระเทียม และธัญพืชไม่ขัดสี
3. Fermented Foods – อาหารหมัก เช่น โยเกิร์ต กิมจิ คอมบูชา ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้
4. ลดการบริโภคเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปเช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน ซึ่งมีการศึกษาพบความสัมพันธ์กับมะเร็งลำไส้ใหญ่
5. Polyphenol-rich Foods – อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ชาเขียว ดาร์กช็อกโกแลต เบอร์รี่ต่างๆ

2. อุจจาระมีลักษณะลีบเล็ก มะเร็งลำไส้ใหญ่มักเริ่มต้นจากการมีติ่งเนื้อ (Polyp) เกิดขึ้นในลำไส้ ซึ่งอาจไม่ใช่เซลล์มะเร็งในระยะแรก แต่สามารถพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งได้ในภายหลัง เมื่อมีติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อขวางทางเดินของลำไส้ จะทำให้อุจจาระที่ผ่านบริเวณนั้นถูกบีบให้มีลักษณะเล็กลง

การตรวจคัดกรองสมัยใหม่

ปัจจุบันมีทางเลือกในการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่หลากหลายและสะดวกมากขึ้น:
Liquid Biopsy – การตรวจเลือดเพื่อค้นหา DNA ของเซลล์มะเร็งที่หลุดเข้าสู่กระแสเลือด ให้ผลแม่นยำสูงขึ้นในปี 2025
AI Colonoscopy – การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยวิเคราะห์ภาพ เพิ่มอัตราการตรวจพบความผิดปกติ
Microbiome Testing – การวิเคราะห์จุลินทรีย์ในลำไส้เพื่อประเมินความเสี่ยง
Home Screening Kits – ชุดตรวจคัดกรองที่ใช้ที่บ้านมีความแม่นยำสูงขึ้น และส่งผลผ่านแอปพลิเคชันได้ทันที

สรุป: ป้องกันดีกว่ารักษา

มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นหนึ่งในมะเร็งที่มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้สูง หากตรวจพบในระยะเริ่มต้น การสังเกตสัญญาณเตือนและการตรวจคัดกรองเป็นประจำ โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไป จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ศูนย์มะเร็งและศูนย์รังสีรักษา โรงพยาบาลปิยะเวท กำลังจะเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2568 พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยสำหรับการรักษามะเร็งแบบครบวงจร โรงพยาบาลปิยะเวท จะเปิดให้บริการเดือนมิถุนายน 2568 ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมดูแลคุณอย่างครบวงจร

Scroll to Top